“พาณิชย์”ยันอีคอมเมิร์ซไทยยังไม่ใช่ขาลง ชี้รายได้ยักษ์ใหญ่โต 100 เท่า

จากกรณีที่ยักษ์ใหญ่ค้าออนไลน์ช้อปปี้ หรือ บริษัท ช้อปปี้ ประเทศไทย ได้เลิกจ้างพนักงาน ในส่วนช้อปปี้ฟู้ดและช้อปปี้เพย์ กว่า 300 คน มีผล 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยจะมีการจ่ายค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้อย่างครบถ้วน ขณะที่ รมว.แรงงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานในกระทรวงแรงงานแจ้งสิทธิประโยชน์ต่อนายจ้างและลูกจ้างให้ทราบแล้ว พร้อมช่วยหางานใหม่ให้กับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างและต้องการหางานใหม่ด้วยนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธรกิจการค้า ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการธุรกิจภายในของบริษัท ไม่ได้สะท้อนว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในไทยกำลังอยู่ช่วงขาลง เพราะจากการติดตามยอดขายของบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา บางบริษัทมียอดขายเติบโต 10-100 เท่า มีรายได้แตะหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งมองว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยังมีโอกาสเติบโต และเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกระดับใช้เป็นช่องทางเพิ่มยอดขายได้ แต่ธุรกิจต้องติดตาม วางแผน และหาข้อมูลในการทำตลาดเพิ่มเติม เพราะมีคู่แข่งจำนวนมาก

ด้านรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการติดตามงบการเงินในธุรกิจอีคอมเมิร์ซของช้อปปี้ยังมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 60 มีรายได้หลักร้อยกว่าล้าน แต่มาล่าสุดปี 64 มีรายได้เติบโตเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลดำเนินการในช่วง 3-4 ปีหลัง แม้มีการขาดทุนต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 4 พันล้านบาท แต่น่าจะเป็นผลมาจากการแข่งขันทำโปรโมชันอย่างรุนแรงมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยรวมแต่อย่างใด เพราะภาพรวมธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังมีแนวโน้มสดใสอยู่ ขณะที่ธุรกิจช้อปปี้เพย์ และช้อปปี้ ฟู้ด ซึ่งทั้งสองบริษัทยังคงมีกำไรอยู่ โดยช้อปปี้เพย์ ล่าสุด ปี 64 มีกำไร 153 ล้านบาท ขณะที่ช้อปปี้ ฟู้ด มีกำไร 274 บาท แต่ทั้ง 2 บริษัทไม่ใช่ธุรกิจไลน์หลัก จึงเชื่อว่าบริษัทแม่อาจเห็นว่าแข่งขันได้ยากมากกว่า ขณะที่ปี 64 บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด มีรายได้อยู่ที่ 13,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.18% ขาดทุน 4,972 ล้านบาท

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บ ตลาดดอทคอม (tarad.com) กล่าวว่า เชื่อว่าเป็นการถอยเพื่อตั้งหลักมากกว่า ไม่ได้ถอนตัวจากตลาดแน่อน เพราะ 2 ธุรกิจของช้อปปี้ มีการแข่งขันสูงในไทย ดังนั้นจึงต้องรักษาธุรกิจที่ดีอยู่แล้วให้ไปได้ดียิ่งขึ้น เพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง และรอทำกำไรในอนาคต เช่นเดียวกับอเมซอน ยักษ์อีคอมเมิร์ซระดับโลก ที่ขาดทุนเป็น 10 ปี ถึงตอนนี้มีกำไร และแข็งแกร่งสุดในอเมริกา

นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (สมาคมอีคอมเมิร์ซไทย) กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดเทค หรือ บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ เงินทุนไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนกันช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช้อปปี้ มีบริษัทแม่ คือ กลุ่มซี (SEA) อยู่ใน ตลาดหุ้นแนสแด็ก ของสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันด้วยภาวะต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจโลกไม่ดี ราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แต่ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังคงเติบโตอยู่ไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องการลดคน การค้าขายออนไลน์ไม่ตกลง คาดว่าจะมีมูลค่า 8-9 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% จากปีที่แล้ว

คำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต pg
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น และจะเห็นแบบนี้อีกในหลายธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง อย่างดิลิเวอรี่ ค้าปลีก ร้านอาหาร ที่เหมือนแข่งกันตาย ขณะที่ภาครัฐไม่รับความจริงดูแต่ตัวเลขโดยเฉพาะเรื่องอัตราว่างงาน ที่นิยามของรัฐไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริง เพราะบางคนมีงานทำเพียงแค่ 1-2 ชม. ก็ถือว่าเป็นผู้มีงานทำ โดยขณะนี้มีผู้ว่างงานอยู่ประมาณ 4 แสนราย.

Related Posts